https://timeline.line.me/post/_dWaNL0EExeNZLuIP8dfGUSd1ePNS6jsoe2LHnk8/1152723357010063835

ประสบการณ์เดินจาริกบนเทือกเขาหิมาลัย ตอนที่ 5 เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องการเดินทางเพื่อการศึกษาในทางปฏิบัติตามรอยพระศาสดาที่ประเทศเนปาล ของ พระปิยวัฒน์ ฐานกโร และคณะโดยการนำของ พระครูธีรธรรมปราโมทย์ เป็นการเดินทางมาแบบส่วนตัว จะเล่าเพียงเรื่องประสบการณ์ของตัวเองที่ได้พบเท่านั้น เรื่องที่เขียนลงในนี้เป็นเรื่องจริง ทุกเรื่องของ พระปิยวัฒน์ ฐานกโร ที่ได้เขียนลงในนี้ เป็นการเล่าเรื่องของการเดินทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเทือกเขาลังตัง ที่อยู่ในเทือกเขาหิมาลัย ในประเทศเนปาล ยอดความสูง 4,380 เมตรตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2561 ถึง วันที่ 13 เมษายน 2561 รวม 10 วัน การเล่าจะแบ่งเป็นตอนๆโดยใช้วันที่จริงในการเดินทางอ้างอิงเพื่อจะได้ง่ายต่อการติดตามเรื่องราวของอาตมาให้เข้าใจในสิ่งที่เล่าออกไป ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ขอเชิญติดตามเริ่มอ่านได้ ณ. บัดนี้ 6 เมษายน 2561 เช้าของวันที่ 5 บนเทือกเขาลังตัง ตื่นขึ้นมาที่ความสูง 3,445 เมตร อากาศตอนเช้าบนยอดเขาลมแรงหนาวเย็นมาก ได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นต่อหน้า แสงทองของวันใหม่เลยถ่ายภาพให้หลวงพ่อกับแสงทองซะหน่อย (ตอนถ่ายลมแรงหนาวมาก) อาตมาจะขอเล่าย้อนในตอนที่ 4 ในจุดที่เดินผ่านซึ่งเป็นจุดที่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวถล่มลงมาทับหมู่บ้านของคนเนปาลที่อาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งอาตมาจำข้อมูลผิดคิดว่าจุดนี้อยู่ที่โกเซกุน เลยข้ามจุดนี้ไป คณะของอาตมาเดินทางผ่านจุดที่หินถล่มนี้เป็นจุดที่พบกับซากหินที่ตกลงมาทับกับซากบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่ในบริเวณเดียวกัน เมื่อเดินพ้นช่วงร่องเขามาถึงบนกลางเขาที่คณะของอาตมาเดินขึ้นก็จะเจอทางเหมือนที่โล่ง ซึ่งไกด์ซานิบอกกับเราว่าในจุดนี้เราต้องรีบเดินอย่างระวังห้ามพักเพราะหินที่เกาะตามทางตามหน้าผาหรือบนเขาในบริเวณนี้มันพร้อมที่จะสไลด์ตกลงมาได้ทุกเมื่อ อาตมาเห็นเส้นทางแล้วน่ากลัวมากมันเหมือนกับเราเดินอยู่บนกองหินทางเดินที่เป็นหินก้อนเล็กๆละเอียดๆกองๆรวมกันทับกัน คือถ้ามันมีอะไรกระทบหินหรือดินที่เห็นนะมันสไลด์แน่นอนและไกด์ซานิยังบอกด้วยว่าบริเวณนี้แหละที่เป็นข่าวเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวหินถล่มลงมาทับบ้านและคน เสียชีวิตไปเยอะมาก และไม่สามรถกู้ร่างคนเสียชีวิตขึ้นมาได้ ถ้าได้ยินไม่ผิด แปดร้อยกว่าชีวิตที่โดนหินถล่มฝังอยู่ในจุดนี้ (น่าแปลกที่ภาพที่อาตมาถ่ายในจุดนี้หายไปไม่มีอยู่ในเครื่อง) วันนี้คณะของอาตมาจะเดินถึงยอดลังตังไม่เกินเที่ยง หลังจากฉันเช้าจากที่พัก(ข้าวผัดผัก ไข่ดาว กาแฟ ชาร้อน) เมนูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน มีความตื่นเต้นที่จะได้ถึงจุดหมายเป็นพลังที่จะเดินหน้าลุยกันต่อ เส้นทางที่เดินในวันนี้เราจะไม่ได้เห็นต้นไม้เยอะนักแต่จะเจอกับก้อนหิน และเจอเจ้าถิ่น เดินขนของขึ้นยอดเขาไปส่งของ นั่นคือ ขบวนล่อ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ขนของขึ้นลงลังตัง ล่อตัวนึงจะบรรทุกคือของจะห้อยไว้ที่หลัง ข้างละ 30 กิโล เท่าที่เห็นนะ บนนี้เราจะเห็น จามรี ที่ชาวบ้านเลี้ยงอยู่เยอะมาก และจะมีเจดีย์ และวัดเนปาล อยู่บนนี้ด้วย และกองหินที่วางเรียงกันเป็นชั้นๆ ตรงกลางทางที่เดิน จะเห็นมีการวาดตัวอักขระเป็นภาษาเนปาลเหมือนบทสวดมนต์ บนก้อนหินที่เรียงกัน และในที่สุดเราก็ได้มาถึงยอดเขาลังตัง เมื่อทั้งคณะเดินทางเข้าที่พัก ฉันเพลเรียบร้อย ที่บนนี่มีสัญญานเน๊ตอาตมาก็ได้ไลฟ์สดให้ชม ลิงค์คลิป 6 เมษายน ถึงลังตังตอนบ่าย https://www.facebook.com/PiyawatThanakaro/videos/1479854152137400/ และในช่วงบ่ายไกด์จะพาขึ้นเขาไปอีกลูกนึง ซึ่งติดกับหิมาลัย และ โรงงานทำชีส ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาชมกันมาก ในขณะที่รอเวลา ไม่น่าเชื่อ หิมะตก (ไกด์บอกเวลาที่เรามาตอนนี้หิมะน้อยมากอาจจะไม่เจอ) อาตมาไม่เคยเห็นหิมะมาก่อนความตื่นเต้นที่ได้สัมผัสหิมะเป็นครั้งแรกจึงปรากฏให้เห็นในไลฟ์สดนี้ https://www.facebook.com/PiyawatThanakaro/videos/1479890142133801/ หลังจากไลฟ์ตัดก็เดินทางขึ้นเขาที่อยู่ข้างหน้าเรา ที่ความสูงถึง 4,000 เมตร ซึ่งมีแค่ หลวงพ่อสำเริง อาตมาและโยมหม่อง นำโดยไกด์ซานิ และไกด์อโศก 5 คนที่ไปต่อ ที่เหลือไม่ไป เป็นโปรแกรมที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่ามาถึงที่พักแล้วต้องขึ้นไปอีกแต่ก็นะครั้งนึงในชีวิตที่เราได้มาถึงที่นี่ อาตมาจึงไม่ปฏิเสธที่จะไปต่อ จริงๆก็อยากพักแต่ความท้าทายและความที่เราอยากรู้อยากเห็นทุกอย่างทุกย่างก้าวในเทือกเขาลังตัง มันมีมากกว่า นักท่องเที่ยวที่มาถึงที่นี่ก็จะขึ้นไปที่ยอดเขานี้เช่นกัน เห็นอย่างนี้การเดินขึ้นยอดเขานี้อันตรายมากนะเพราะเดินไต่ขึ้นอย่างเดียวไม่เหมือนกับตอนที่เดินขึ้นมาเมื่อ 2 -3 วันที่ผ่านมา เขาลูกเดียวเดินจากพื้นขึ้นสู่ยอดชันมากต้องค่อยๆเดินดีนะที่ไม่ได้แบกของเดินตัวเปล่า ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก โยมหม่องไต่ขึ้นมาได้ครึ่งนึงก็ขอบายเพราะเข่าแกไม่ดี แต่หลวงพ่อกับอาตมาไปต่อจนถึงยอดเขาที่ความสูง 4,000 เมตร พิชิตยอดเขาได้ในที่สุด ความรู้สึกของอาตมาที่มาถึงยอดบนนี้มันโล่งสบายไม่มีความคิดอะไรเลย ยืนบนยอดร่างกายปะทะลมที่เย็นอากาศที่หนาว แต่ในใจไม่หนาว ไม่สั่น ไม่กลัว ตลอดทางที่เดินขึ้นมาก็คุยกับหลวงพ่อ หลวงพ่อเมตตาสอนตลอดการเดินขึ้นมา ได้เห็นได้คิดตามในสิ่งที่หลวงพ่อสอน อย่างน้อยเราก็เอาชนะกิเลสบางอย่างในตัวได้ ยิ่งเห็นมานะทิฐิของตัวเอง ไม่ฟุ้งซ่าน มีสติตลอด เราจึงได้เห็นว่า เส้นทางที่ขึ้นมา ทำให้เรามีสติทุกย่างก้าว ความสูง ทำให้เราเห็นตัวเราเล็กมาก ลมแรงๆ ทำให้เรากล้าที่ต่อสู้กับปัญหา ความหนาวเย็น ทำให้เราหาวิธีแก้ปัญหาได้ ยอดเขา ทำให้เรารู้สึกอยากปล่อยวาง เมื่อขึ้นก็ต้องลง หลวงพ่อได้นัดประชุมคณะทั้งหมดในเวลา 6 โมงเย็น เพื่อถามความรู้สึกในการเดินขึ้นมาถึงที่นี่ เมื่อเวลามาถึงทั้งหมดก็มารวมกันในห้องอาหารของที่พัก ซึ่งมีแต่คณะเราเท่านั้น หลวงพ่อก็ได้ถามความรู้สึกของพระแต่ละรูปและโยมทั้ง 2 คน ทุกท่านก็ได้พูดออกไป มาถึงความรู้สึกของอาตมา ก็ต้องขอขอบคุณผู้ที่หยิบยื่นโอกาสนี้ให้ คือ อะนะคาริกะภิกขุ (หลวงพี่เจี๊ยบ) ที่เป็นผู้ที่บอกให้ทราบว่ามีการจัด ทริปนี้เกิดขึ้น และ ศิษย์วัดดอย (ครูบาป๊อบ) เป็นผู้ดำเนินงานจัดทริปทั้งหมดขึ้นมา ตั้งแต่ ถ้ำอชันต้า เอลโรล่า ลังตัง และดารัมซาร่า และได้เรียนรู้ในสิ่งต่างๆระหว่างการเดินทาง เห็นทั้งข้อดีและไม่ดีของตัวเอง ได้ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ มากมายบรรยายไม่หมด หลังจากจบการประชาชุมก็แยกย้ายกันพักผ่อน เพื่อการเดินทางในวันพรุ่งนี้ ในอุณหภูมิ -2 องศา คืนนี้หนาวสุดๆ โปรดติดตามตอนต่อไป ขอเจริญพร...เอวัง...โหตุ

Comments